โดย พิทยะ ศรีวัฒนสาร
บรรพบุรุษของมนุษย์แยกสายวิวัฒนาการจากมนุษย์วานรในทวีปอาฟริการะหว่าง2,000,000-500,000 ปีมาแล้ว
พวกเขาจัดอยู่ในกลุ่มมนุษย์ผู้ยืนตัวตรง (Homo Erectus) สูงราว 3 ฟุตเศษ
มีฟันลักษณะคล้ายฟันของมนุษย์ปัจจุบัน สมองยังเล็ก รู้จักใช้มือเพื่อทำประโยชน์ต่างๆได้
จัดเป็นมนุษย์วานรที่ก้าวหน้ามาก คือ
รู้จักทำเครื่องมือหินด้วยวิธีง่ายๆเพื่อใช้คมในการตัด ฟัน หรือขูด เรียกว่า “ออสตราโลพิเธคัส” หรือเรียกอีกชื่อว่า “โฮโมฮาบิลิส” หมายถึง “มนุษย์ผู้ถนัดใช้มือ”พวกเขากระจายตามส่วนต่างๆของทวีปอาฟริกา แหล่งสำคัญ คือ ถ้ำโอลดูเวย์ (ประเทศแทนซาเนีย) ค้นพบเมื่อค.ศ.1959 อายุราว 1,750,000 ปีมาแล้ว
ดร.หลุยส์ เลคกี
ผู้ค้นพบมนุษย์โฮโมฮาบิลิสเสนอว่า
มนุษย์โฮโมฮาบิลิสมีความก้าวหน้ากว่าบรรพบุรุษซึ่งมีความเป็นอยู่คล้ายวานร มนุษย์โฮโมฮาบิลิสรู้จักใช้เครื่องมือ แทนมือเปล่าและกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
มนุษย์โฮโมฮาบิลิส มีวิธีจับสัตว์ คือ
ไล่ต้อนฝูงสัตว์ลงไปในหนองน้ำ
แล้วจับตัวอ่อนกิน
มนุษย์ผู้ยืนตัวตรง (Homo Erectus) มีหลายกลุ่ม เช่น มนุษย์ผู้ยืนตัวตรงที่เคนยา
รู้จักล่าสัตว์และทำเครื่องมือใช้อย่างกว้างขวาง (ประมาณ 2,000,000 ล้านปี)
มนุษย์ผู้ยืน ตัวตรงที่ปักกิ่งมีชีวิตอยู่ในราว
500,000 ถึง 400,000 ปีมาแล้ว ถูกขุดพบเมื่อค.ศ. 1929
ในถ้ำโจ-โขว-เตียนใกล้กรุงปักกิ่ง สูงประมาณ 5 ฟุต คิ้วโปน จมูกแบนกว้าง
จมูกขากรรไกรใหญ่ คางเล็กเหมือนไม่มีคาง
รูปหน้าคล้ายวานรแต่มีมันสมองใหญ่ 2 เท่าของวานร
รู้จักทำเครื่องมือด้วยหินเหล็กไฟและหินควอทซ์ซึ่งกะเทาะได้ง่าย
เครื่องมือที่พบได้แก่ ขวานไม่มีด้ามทำจากหิน เหล็กไฟ
บรรพบุรุษของมนุษย์อีกพวกหนึ่ง คือ มนุษย์นีแอนเดอธัล
(Neanderthal Man) พบหลักฐานที่ถ้ำนีแอนเดอร์
ใกล้เมืองดุลเซลคอร์ฟ เยอรมนี
กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของยุโรป และรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อ 150,000
ปีมาแล้ว สูงกว่า 5 ฟุตเล็กน้อย ปริมาณมันสมองมีใกล้เคียงกับมนุษย์ปัจจุบัน
รู้จักล่าสัตว์โดยใช้ไฟแบบมนุษย์ปักกิ่ง มีการวางโครงกระดูกและเครื่องมือที่ทำด้วยฟันและกระดุกสัตว์ในหลุมศพ สันนิษฐานว่า
มีการประกอบพิธีศพ และอาจจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอมตะ
บรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน มีวิวัฒนาการประมาณหลายหมื่นปีมาแล้ว นักมานุษยวิทยาเรียกบรรพบุรษมนุษย์ปัจจุบันว่า
“มนุษย์สมัยใหม่” หรือ “มนุษย์ฉลาด-Homo Sapiens” มนุษย์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีรูปร่าง ผิวพรรณ
ภาษาหรือเชื้อชาติใด
ล้วนสืบเชื้อสายมาจากพวกโฮโม เซเปียนส์
มนุษย์โคร-มันยอง (Cro-Magnon Man) เป็นมนุษย์สมัยใหม่ที่มีหลักฐานชัดเจนที่สุด โครงกระดูกของมนุษย์โคร-มันยองพบครั้งแรกที่แคว้นเวลส์ในประเทศอังกฤษ
เมื่อ ค.ศ.1823 ต่อมาในค.ศ. 1868
จึงพบโครงกระดูกมนุษย์โคร-มันยองเพิ่มที่ฝรั่งเศส
มนุษย์โคร-มันยองมีอายุประมาณ 35,000 ปีมาแล้ว จัดเป็นมนุษย์ยุคหินเก่า มีความสูงต่ำกว่า 6 ฟุตเล็กน้อย มีปริมาณมันสมองใกล้เคียงกับชาวยุโรปปัจจุบันและมีอวัยวะคล้ายมนุษย์ปัจจุบัน
ก่อนที่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ในแอฟริกาและอารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสในเอเชียไมเนอร์จะถูกนำไปเผยแพร่
(เมื่อประมาณก่อน
1,200 ปีก่อนคริสต์ศักราช)นั้น
ทวีปยุโรปถูกจัดอยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งจำแนกเป็น สมัยหินเก่า (35,000-16,000 BC.) สมัยหินกลาง (16,000-10,000 BC.) สมัยหินใหม่
(10,000-1,200 BC.)
มนุษย์ยุคหินเก่าที่ปรากฏหลักฐานโดดเด่น
คือ มนุษย์โคร-มันยอง เรียกตามชื่อ
ถ้ำโคร-มันยองทางทิศตะวันตกของฝรั่งเศส
ค้นพบโครงกระดูกและศิลปวัตถุจำนวนมาก จัดเป็นมนุษย์สมัยใหม่
หรือมนุษย์โฮโมซาเปียนส์กลุ่มหนึ่ง รู้จักใช้เครื่องมือหิน รูปร่างสูงใหญ่เกือบ 6 ฟุต
กระโหลกศีรษะยาว ใบหน้าสั้น ปริมาณสมองใกล้เคียงชาวยุโรปปัจจุบัน
พบหลักฐานแพร่กระจายทั่วยุโรปและเอเชีย
โดยเฉพาะทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและตอนเหนือสเปน มีความสามารถทางการเขียนภาพบนผนังถ้ำ รู้จักเผาศพและสักบนใบหน้า
มีการแกะสลักหินเป็นรูปหญิงอ้วน เรียกว่า “รูปวีนัส
แห่งวิลเลนดอร์ฟ
(Venus of Villendorf)” ซึ่งเน้นรูปทรงทางเพศที่แสดงร่องรอยการให้กำเนิดมาแล้วอย่างโชกโชน
สูง 11 เซนติเมตร พบที่วิลเลนดอร์ฟ ประเทศออสเตรีย (ราว 25,000 -20,000 ปี BC.) นอกจากนี้ยังพบประติมากรรมเทพธิดาแห่งการให้กำเนิด ดินเผาสูง 8 นิ้ว พบที่คาทาลคือยึค (6,500 – 5,700 ปี BC. ) ประเทศตุรกีพบรูปสลักวีนัสแห่งเลส์ปุคสลักจากงาช้าง
พบที่ถ้ำเลส์ปุคฝรั่งเสส (ราว 20,000 ปี BC.) ล้วนเน้นลักษณะทางเพศและมีขนาดเล็ก
ประติมากรสมัยก่อนประวัติศาสตร์
รู้จักการออกแบบผลงานบนโครงสร้างของวัสดุอย่างเหมาะสม เช่น
รูปวัวไบซันที่ใช้เขากวางเรนเดียร์เป็นวัสดุในการสลัก โดยออกแบบวัวป่าให้
กลับหัวมาด้านหลังและสลักหัวควายไว้ส่วนกลาง ถือเป็นการแก้ปัญหาเรื่องวัสดุและรูปทรงอย่างดีเยี่ยม
บ่งบอกถึงความช่างสังเกตของศิลปิน
รูปสลัก Venus of Villendorf ขนาด 11.5
ซ.ม.สมัยหินเก่า 30,000-25,000 BC.พบในออสเตรีย (Edward
Lucie-Smith, 1992, 20)
ภาพสลักรูปสตรีจากถ้ำ Lausel
เมืองดอรด์ญอน ฝรั่งเศส 19,000 BC. (Edward Lucie-Smith, 1992, 16)
รูปสัตว์สมัยหินเก่า 30,000-15,000
BC. บางชิ้นแกะจากกระดูก
บางชิ้นแกะจากงาช้าง
(Edward
Lucie-Smith, 1992,
20)
ในการดำรงชีวิตนั้น มนุษย์สมัยหินเก่ารู้จักล่าสัตว์และเก็บพืชผัก ผลไม้กินเป็นอาหาร พึ่งพาธรรมชาติ และสภาวะแวดล้อมเต็มที่ เมื่อฝูงสัตว์ทละอาหารหมดลงก็ย้ายถิ่นอาศัยติดตามฝูงสัตว์ไป
มักอาศัยใกล้ทะเลหรือหนองน้ำ
เพื่อหาอาหารและใช้น้ำอุปโภคบริโภค
ถ้ำที่พวกเขาอยู่อาศัยก็มักจะเป็นถ้ำที่มีธารน้ำไหลผ่าน ได้แก่ ถ้ำในประเทศ สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี
ถ้ำที่ชื่อเสียง คือ ถ้ำอัลตามีรา (Altamira) ถ้ำลามาไดเลน (La Madeleine) ถ้ำลาสโคซ์ (Lascaux ) ถ้ำฟองเดอโกม (Font-De-Gaume) ในสเปนกับฝรั่งเศส
จิตรกรรมที่ถ้ำลาสโคซ์จัดอยู่ในสมัยหินกลางพบว่าเขียนภาพทั้งด้านข้างและเพดานถ้ำ ถ้ำลาสโคซ์ตั้งอยู่ใกล้มองแตงญัก (Montingnac) บริเวณลุ่มน้ำดอร์ดอน
(Dordone) ในฝรั่งเศสถูกพบโดยบังเอิญ
ค.ศ. 1940 โดยเด็กชาย 2
คนไปวิ่งเล่นหน้าโพรงถ้ำ ต่อมาสุนัขได้คาบลูกบอลเข้าไปในถ้ำแล้วออกไม่ได้
เด็กทั้งสองจึงจุดไฟส่องทางตามเข้าไปพบภาพเขียน จากการกำหนดอายุโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
พบว่าภาพเขียนดังกล่าวมีอายุประมาณ 15,000–13,000 ปีBC. ภาพวัวไบซัน ม้า กวาง แสดงภาพด้านข้าง
คำนึงถึงความจริง ท่าทางเคลื่อนไหว
มีทักษะการใช้เส้นที่กล้าหาญ
ไม่คำนึงสัดส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับบางภาพ เช่น ภาพวัวบางตัวยาวถึง 16 ฟุต
แต่ภาพม้าสูงเพียงช่วงขาของวัว เป็นต้น วาดภาพซ้อนทับกัน สันนิษฐานว่าอาจวาดต่างช่วงเวลา
มีเป้าหมายด้านความเชื่อเหนือเหตุผล
สถานที่ซึ่งปรากฏภาพเขียนสีสำคัญอีกแห่งหนึ่งของยุโรป
คือถ้ำอัลตามีรา ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนในภาคเหนือของสเปน
ลึกประมาณ 300 หลา ภาพค่อนข้างสมบูรณ์
เช่นเดียวกับถ้ำลาสโคซ์ อายุประมาณ 15.000
– 10,000 ปี BC.
โดดเด่นด้านทักษะการเขียนภาพเคลื่อนไหวของม้าป่า ลีลาสมจริง
แสดงถึงความสามารถในการสังเกตกิริยาท่าทางของสัตว์ ศิลปินมีเทคนิคการระบายพื้น ตัวสัตว์ด้วยสีแดง แล้วตัดเส้นอย่างเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยว
ลักษณะของภาพเขียนสีที่ถ้ำอัลตามีรา เขียนเป็นภาพกวาง ม้า วัวไบซัน ทั้งภาพเดี่ยวและฝูง
จำนวน 25 ภาพ
แต่ละภาพมีขนาดใกล้เคียงขนาดสัตว์จริงในธรรมชาติ
ภาพส่วนใหญ่วาดบนเพดานถ้ำได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทั้งด้านสุนทรียภาพและกลวิธีการเขียนและถูกยกย่องว่าเป็นตัวอย่างผลงานจิตรกรรมของศิลปินถ้ำเสมอ
ภาพเขียนสีสมัยหินกลางในถ้ำลาสโค ประเทศฝรั่งเศส 16,000-10,000 BC. (Edward
Lucie-Smith, 1992, 19)
สมัยหินใหม่
มนุษย์พัฒนามาจากผู้ที่เคยดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ในสังคมนายพรานล่าสัตว์และเร่ร่อน สู่ก้าวใหม่สังคมเกษตรกรรม
เพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชน
สมัยหินใหม่ตอนต้น มีการสร้างกระท่อมดินดิบมุงด้วยใบไม้ สร้างเรือโดยเอาท่อนซุงผูกเป็นเรือแคนู บางหมู่บ้านรู้จักปลูกข้าวสาลีและข้าวบาเลย์
รู้จักทำธนูและลูกศร เลี้ยงสุนัข ใช้หินเหล็กไฟที่ขัดจนบางเรียบ ใช้เครื่องมือหินขัดล่าสัตว์ ป้องกันตัว และทำเครื่องมือ
เครื่องใช้ต่างๆ ใช้ไฟปิ้งและอบอาหาร ทำภาชนะดินเหนียวและภาชนะดินเผาสำหรับใส่อาหาร
เครื่องปั้นดินเผาประเภทเครื่องประดับในแคว้นบริตานีของฝรั่งเศส
ไอร์แลนด์และอังกฤษ ผลงานจิตรกรรมไม่เด่นชัด ศิลปะโดดเด่นที่สุดของยุคหินใหม่ คือ
อนุสาวรีย์หิน (Megalithic)
ซึ่งนำเอาหินขนาดใหญ่มาตั้ง จัดวางลักษณะต่างๆ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
แบบหินตั้งกับแบบโต๊ะหิน
และสามารถแยกย่อยตามลักษณะการตั้งวางได้ด้วย
หินตั้งเดี่ยว (Menhir or Standing
Stone) เป็นแท่งหินตั้งอย่างโดดเดี่ยว เมนเฮอร์ที่สูงและใหญ่ที่สุดอยู่ที่ลอคมารีเก
ฝรั่งเศสสูง 64 ฟุต
หินตั้งเป็นแกนยาว (Alignment) เป็นการตั้งหินเป็นแนวฉากกับพื้นและตั้งเป็นแถวยาวหลายก้อน บางแห่งมีหินตั้งกว่าพันแท่ง เรียงรายกว่า 2
ไมล์
หินตั้งเป็นวงกลม (Cromlech or Stonehenge ) เป็นการนำหินมาตั้งเป็นวงกลมใหญ่ที่สุดอยู่ที่แอฟบิวรี่ในอังกฤษมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง
6 ไมล์ ส่วนสโตนเฮนจ์ที่ทุ่งราบแซลิสเบอรี (Stonehenge of Salisbury Plain) มีเส้นผ่าศูนย์กลาง
100เมตร กำหนดอายุได้ 2,100- 2,000 BC. ประกอบด้วย แนวหินวงรอบนอก 30 ก้อน
วงรอบกลาง 23 ก้อนและรอบแท่นตรงกลาง 10 ก้อน
โต๊ะหิน (Dolmen) เป็นแท่งหินขนาดใหญ่ 3
แท่งหรือมากกกว่านั้นวางพาดทับอยู่ด้วยกันคล้ายโต๊ะยักษ์
หรือประตูที่คนสามารถเดินลอดผ่านได้ พบทั่วไปทั้งในยุโรปและอาฟริกา
Stonehenge
of Salisbury Plain England
2,100-2,000
BC. (Edward
Lucie-Smith, 1992,
25)
นอกจากนี้ในสมัยใหม่ที่ถ้ำเรมเซีย (Remesia) เมืองคัสเตเลียน ประเทศสเปน ยังพบภาพเขียนสีอายุ 2,000 BC. เป็นภาพนายพรานสี่คนเต้นรำตามหลังหัวหน้าในพิธีบวงสรวงด้วย
ภาพเขียนสีจากถ้ำ Remesia
เมืองคัสติลเลียน สเปน 2,000 BC. สมัยหินใหม่(Edward Lucie-Smith, 1992, 27)
แบบฝึกหัดบทที่ 1
1. ข้อใด ไม่ ถูกต้อง
ก.
มนุษย์สร้างงานศิลปะได้เพราะรู้จักคิด
ข.
สิ่งที่ทำให้มนุษย์เจริญกว่าสัตว์คือ ปัญญาและความคิด
ค. มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกทางธรรมชาติ
ง. มนุษย์สร้างสรรค์อาวุธ เครื่องมือ
ความเชื่อและความงามขึ้นเพื่อตอบสนองการดำเนินชีวิต
2. การที่สังคมมีความซับซ้อนและมีความเจริญทางวัตถุเกิดจากปัจจัยสำคัญในข้อใด
ก. ภาษา
ข. ศาสนา
ค. เครื่องมือ ง. สัญชาตญาณ
3. ข้อใดถูกต้องที่สุดเมื่อกล่าวถึงการศึกษางานศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตก
ก. เทวรูปกรีก ข. จารึกในวิหารโรมัน
ค. อักษรคูนิฟอร์ม ง. ภาพเขียนสีถ้ำลาสโคซ์
4. คำว่ามนุษย์ผู้ถนัดในการใช้มือตรงกับข้อใดมากที่สุด
ก. โฮโมฮาบิลิส ข. โฮโมเซเปียนส์
ค. โฮโมอิเรคตัส ง.
ออสตราโลพิเธคัส
5. ข้อใดเป็นมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งในยุโรปซึ่งทิ้งผลงานศิลปะไว้มากมายในถ้ำต่างๆ
ก. นีแอนเดอธัล ข. โครมันยอง
ค. โอลดูเวย์ จอร์จ ง. เบจิงแมนเอนสีส
6. ข้อใด มิใช่ แหล่งโบราณคดีซึ่งพบหลักฐานภาพเขียนสีสมัยหินเก่าอายุประมาณ
30,000 - 25,000 BC.ในยุโรป
ก. อัลตามีรา ข. ลาสโคซ์
ค.โอลดูเวย์ ง. ลา มาไดเลน
7. ข้อใดเป็นศิลปะถ้ำซึ่งพบโดยบังเอิญจากการเล่นซุกซนของเด็กสองคนเมื่อค.ศ.1940
ก. อัลตามีรา ข. ลาสโคซ์
ค.โอลดูเวย์ ง. ลา มาไดเลน
8. ภาพเขียนสีในถ้ำอะไรมักถูกยกเป็นตัวอย่างของจิตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสมอ
ก. อัลตามีรา ข. ลาสโคซ
ค.โอลดูเวย์ ง. ลา มาไดเลน
9. ข้อใด ไม่ ถูกต้อง
ก. ประติมากรรมเทพธิดาแห่งการให้กำเนิดคาทาลคือยึค
ข. วีนัสแห่งเลส์ปุคสลักจากงาช้างพบที่ถ้ำเลส์ปุคฝรั่งเศส
ค. ประติมากรรมสลักหินรูปวีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟพบที่ออสเตรีย
ง. งานประติมากรรมรูปคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
มักมีขนาดใหญ่
10. Menhir or Standing Stone เป็นอนุสาวรีย์หินแบบใด
ก. โต๊ะหิน ข. หินตั้งเดี่ยว
ค. หินตั้งเป็นวงกลม ง. หินตั้งเป็นแกนยาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น